ใจมันรัก
|
|
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:15:51 am » |
|
เห็นเรื่องราวดีๆ เลยนำมาฝากกันครับ เป็นข้อความจากหนังสือ "เก็บพระให้เป็น ผู้เขียนคือคุณ ษรวัฒน์"ครับ *เล่ห์เหลี่ยมในวงการพระเครื่องเหมือนกับเอาเรื่องสามก๊ก + เรื่องไซอิ๋ว + กรมประชาสัมพันธ์ มีทั้งเล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ ผสมเรื่องราวอิทธิฤทธิ์อภินิหารการโฆษณาช่วนเชื่อ หลอกลวงต้มตุ๋น แท้ผสมจริง จริงผสมเทียมสารพัดวิธี เล่ห์เหลี่ยมหรือกลโกงนั้นมีอยู่ทุกวงการ ทุกสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการพระเครื่อง การที่เราจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกขี้โกง พวกเซียนพระเหล่านี้ได้นั้น จะต้องอาศัยประสบการณ์และสติปัญญาจึงจะสามารถดำรงอยู่ในวงการนี้อย่างมั่งคง บางคนแค่เริ่มเล่นพระและได้มาเจอกลุ่มคนเจ้าเล่ห์พวกนี้ ด้วยความเข็ดขยาดก็ต้องเลิกเล่นพระไปก็เยอะ แต่บางคนถ้าทันเหลี่ยมคนพวกนี้ก็จะอยู่ในวงการนี้ได้อย่างผาสุก ดังนั้นในบทนี้ผู้เขียนจึงได้แนะนำและรวบรวมเล่ห์เหลี่ยมในวงการพระที่ผู้เขียนได้ประสบมาบางส่วน มานำเสนอให้กับท่านผู้อ่านได้อ่านประดับความรู้กัน เพื่อจะได้เป็นสิ่งคอยเตือนสติและเป็นภูมิคุ้มกันให้กับท่านผู้อ่าน ให้รอดพ้นจากพวกเสี้ยนพระ พวกเหลี่ยมจัดเหล่านี้ไปได้ หวังว่าบทความเหล่านี้จะช่วยก่อประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยครับ 1.เรื่องคนทำพระเก๊ รุ่นพี่คนหนึ่ง เมื่อก่อนแกก็ปล่อยพระแท้แถวท่าพระจันทร์ โดยปู่กับย่าแกมีพระเก่าๆ มาจากสุพรรณไม่น้อย นาน ๆ เข้าพระของแกเริ่มหมด แกก็เลยเริ่มสรรหาวิธีการสร้างพระปลอมแบบต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าในสมัยนี้ยังใช้วิธีนี้ทำบุญอีกรึเปล่าครับ ลองมาฟังดูกัน 1.คราบฟองเต้าหู้ รุ่นพี่คนนี้เค้าเล่าว่าเขาจะนำพระเครื่องเป็นพัน ๆ องค์วางเรียงบนลานกว้าง ๆ แล้วนำผงซักฟอกผสมน้ำแล้วตีให้เกิดฟองแล้วก็สาดไปที่ลานที่มีพระเครื่องวางอยู่พอพระเริ่มแห้งก็จะเกิดเป็นคราบฟองเต้าหู้ 2.แตกลายงา.. ฟังเรื่องนี้แล้วดูตลกแต่ลองฟังกันดูครับ คือตัวพี่เขาเอากระทะใบบัวขนาดใหญ่ตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วนำพระเครื่องลงไปทอดในน้ำมันโอ้โหแตกลายงา ขึ้นสวยเลยครับ 3.พระปลอมง่าย ๆ แบบทำให้แลดูเก่า บางคนก็นำไปฝังดินไว้เป็นปี ๆ เลยครับ ขึ้นเป็นคราบดินติดกับพระเลย ดูเหมือนเป็นคราบกรุ 4.การใช้น้ำกรดหรือสารเคมี.. วิธีนี้จะทำให้พระดูเหมือนถูกกัดกร่อนดูสึกใช้กับพระแทบทุกชนิดยิ่งถ้าเป็นเนื้อโลหะแล้วนะ ขอบอกกร่อนสมใจ บางคนที่เคยเห็นใช้น้ำยาล้างห้องน้ำก็มีอะไรจะขนาดนั้น 5.วิธีระบายสี.. อย่างคิดว่าเป็นวิธีเด็ก ๆ นะครับ เคยไปดูพระกับเพื่อนๆบอกเนื้อจัดมาก โอ้โหพอเอาเล็บเขี่ยดูคราบกรุเป็นสีโปสเตอร์ติดมือมาเลย 6.อื่น ๆ.. ยังมีอีกหลายวิธีครับ แต่ที่รู้มามีแค่นี้ ยังมีวิธีสมัยใหม่ที่ผมยังไม่รู้และยังไม่เคยลอง เช่น นำพระเข้าตู้อบไมโครเวฟ เป็นต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:30:18 am » |
|
2.บล็อคคอมพิวเตอร์,เหรียญคอมพิวเตอร์,เหรียญไฮเทค ก่อนอื่นผู้เขียนขอกล่าวถึงการทำเหรียญปลอมในสมัยก่อน ก่อน การปลอมพระเหรียญ(ปั๊ม) เมื่อก่อนจะใช้ช่างแกะผู้ชำนาญงานแกะพิมพ์ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่ความละเอียดปราณีต ของช่างแต่ละคน เหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง คนเล่นพระที่มีความชำนาญหรือเคยเห็นของจริงสามารถแยกออกว่าแท้หรือปลอมโดยง่ายในปัจจุบันนี้โลกเราก้าวไปไกลมาก วงการพระก็เช่นกัน ได้มีคนหัวใสกลุ่มหนึ่งพยายามสรรหาวิธีปลอมแปลง จนได้เหรียญปลอมที่แนบเนียนที่เขย่าวงการพระจนปั่นป่วนที่เราทุกคนรู้จักกันดี คือ เหรียญบล็อคคอมพิวเตอร์ การสร้างบล็อคคอมพิวเตอร์ หรือแม่พิมพ์นั้นเริ่มจาก 1.ต้องมีเหรียญแท้ๆ ของจริง ที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์มาเป็นต้นแบบ 2.นำเหรีญไปทำการถอดแบบ หรือถอดขนาด โดยใช้เครื่องถอดขนาดเครื่องพวกนี้จะมีอยู่ในห้องแล็ป จะให้คำที่ถอดออกมาละเอียดเป็นไมครอนเลย 2.1 เครื่องวัดภาพขยาย (VDO) เครื่องนี้จะเป็นตัววัดค่าตำแหน่งต่างโดยมีคำสั่งต่างผ่านคอมพิวเตอร์ เช่นตำแหน่งเหรียญ ความกว้าง ระยะห่างระหว่างตำแหน่ง รวมถึงตำหนิ บนเหรียญต่าง ๆ แล้วแต่คนถอดแบบ จะเป็นคนวัดโดยภาพที่ขยายได้ เช่น เหรียญ 50 สตางค์สามารถขยายได้ใหญ่กว่าทีวีสี 14 นิ้ว ทำให้คนถอดแบบสามารถถอดตำแหน่งต่างของเหรียญได้โดยสะดวก และได้ค่าละเอียดมาเป็นไมครอน 2.2 เครื่องวัดแนวแกน (CMM) เครื่องนี้จะเป็นเครื่องวัดขนาดรวม คือ วัด รูปร่าง ความหนา แบบเป็น 3 มิติ ความหนาของพื้นผิวต่าง ๆ เป็นต้นให้ค่าละเอียดเป็นไมครอนเหมือนกัน 3. เมื่อได้ค่าขนาดที่ถอดแบบจากเครื่องมือวัดละเอียดต่าง ๆ แล้วก็ส่งข้อมูลที่ได้ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะมีการใช้โปรแกรม CAD/CAM/CAE ทำการสร้างแบบจำลอง 3 มิติขึ้นมา เพื่อทำการสร้างแม่พิมพ์เป็นแบบจำลองบนคอมพิวเตอร์ 4. คอมพิวเตอร์จะทำการสร้างคำสั่ง G-CODE หรือค่าขนาดที่เครื่องคอมพิวเตอร์แปลงจากค่าวัดละเอียดเป็นคำสั่ง ส่งไปยังเครื่องจักรอัตโนมัติ 5. เมื่อเครื่องจักรคอมพิวเตอร์ (CNC) รับข้อมูลมาก็จะทำการสร้างแม่พิมพ์โดยการทำการกัดแม่พิมพ์ตามค่าที่ได้มา จนได้แม่พิมพ์เหรียญที่สมบูรณ์ 6. นำแม่พิมพ์ที่ได้ไปทำการทดลองปั๊ม แล้วนำเหรียญที่ได้ไปทำการตรวจสอบความเหมือนหรือ แนบเนียน หากคุณภาพไม่ได้ตามต้องการก็จะมีการทำตามวีขั้นต้นซ้ำ ให้ตรงกับความต้องการ เหรียญปลอมที่ได้มาจากกรรมวิธีนี้ ที่ทำไม่แนบเนียน อาจจะเกิดจาก ก. ถอดขนาดจากต้นแบบไม่ครบ ข. เครื่องจักรไม่เที่ยงตรง ค. และอื่น ๆ อาจจะเกิดจากความชำนาญของช่างที่ดูแล จากข้อมูลที่ผู้เขียนกล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นวิธีการสร้างเหรียญปลอม(คอมพิวเตอร์) แค่วิธีหนึ่งเท่านั้น ยังมีวิธีสุดยอดอีกหลายวิธีซึ่งผู้เขียนเองก็ยังไม่ทราบวิธีการทำอยู่อีก ถึงแม้ว่าคนที่พยายามจะปลอมเหรียญอย่างไร ผู้เขียนคิดว่ายังไงก็ยังไม่เหมือนของจริง 100% เพราะจุดที่คอมพิวเตอร์ยังทำไม่ได้ก็มีครับ เช่น ลักษณะผิวเหรียญเนื้อเหรียญ ขอบเหรียญ การปั๊มตัด เป็นต้น ในอดีตท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินชื่อ บล็อกฮ่องกง ซึ่งผู้เขียนคิดว่าการทำบล็อคมาจากฮ่องกง แต่แท้จริงแล้วเมืองไทยเราก็สามารถทำได้หมดทุกขั้นตอนครับ ตามโรงงานใหญ่ เขามีห้องแล็ปทดสอบหลายที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนมั่นใจ คือ ต้องมีคนในวงการพระหรือพวกที่ชำนาญการด้านเหรียญพระเครื่อง มาเป็นที่ปรึกษาในการแกะบล็อคปลอมแน่นอน ไม่เช่นนั้นจุดตายของบล็อคคอมพิวเตอร์จะใกล้เคียงกับของจริงของแท้ได้อย่างไรครับ ขอให้ทุกท่านผู้อ่านมีสติในการเช่าหาพระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:35:52 am » |
|
3.พวกหน้าม้าในเว็บไซค์พระเครื่อง ในเว็บไซต์พระเครื่องต่าง ๆขณะนี้ได้มีพวกที่ไม่ประสงค์ดี ได้เข้ามาทำงานกันเป็นขบวนการ โดยจะส่งรูปพระเข้ามาสอบถามว่า พระแท้หรือพระเก๊ ราคาเล่นหากันประมาณเท่าไร พอทราบข้อมูลแล้ว ก็จะทำตัวเป็นพวกมือใหม่ใจสะอาด โดยการบอกว่าต้องการที่ปล่อยให้เช่าบูชาพระของตัวเองที่พึ่งสอบถามไปพวกนี้จะทำกันเป็นขบวนการแล้วจะมีหน้าม้าโผล่มาคอยสอบถามราคา และติดต่อขอเช่าซื้อพระองค์นั้น ทำกันแบบแนบเนียน น่าเชื่อถือมาก ทั้ง ๆ ที่พระองค์นั้นเป็นพระเก๊หรือหากเป็นพระแท้ แต่เรากลับเผลอโดนเงินให้ก่อนโดยที่ไม่รู้จักหน้าค่าตา เมื่อเค้าได้เงินไปแล้วเรากลับไม่ได้พระอย่างนี้ช้ำใจครับ หรือในหน้า Board ที่มีการประมูลพระ ทั้งๆ ที่พระองค์ที่ลงประมูลนั้นเป็นพระเก๊ แต่กลับมีหน้าม้าซึ่งทำเป็นขบวนการมาใส่ราคาประมูลเพื่อทำให้พระองค์นั้นน่าเชื่อถือว่าเป็นพระแท้ หากตัวเราขาดสติยั้งคิด ขาดความรอบคอบ เผลอคิดว่าพระองค์นั้นเป็นพระแท้เพราะมีคนเข้ามาประมูลเยอะแบบนี้ก็เสร็จโจรแน่นอนครับ ดังนั้นผู้เขียนแนะนำว่า การเช่าพระควรเช่าพระ กับบุคคลที่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่งร้านที่เปิดเป็นทางการ มีที่อยู่ติดต่อได้แน่นอน จะดีที่สุดครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านผู้อ่านเอง จะได้ไม่ต้องเสียเงินฟรีและที่สำคัญต้องมีสติอย่าเล่นพระด้วยหูให้เล่นด้วยตาครับ 4.เรื่องเล่าในสนามพระ ในสนามพระทั่วไป หากท่านผู้อ่านเดินเข้าไปตามรายทางแผงพระ ก็จะพบกับพวก ขุนส่อง จำนวนหนึ่ง ถือกล้องส่องพระขนาดเล็ก ๆ ยืนถามอย่างไม่มีมารยาทว่า มีอะไรให้ดูบ้างไหมพี่ หรือ ห้อยพระอะไร เพ่ ปล่อยไหม และถ้าหากว่าท่านผู้อ่านเอาพระที่ห้อยให้คนพวกนี้ดู พวกนี้ก็จะจับพระเข้ากล้องและส่งพลิกไปพลิกมา ถ้าไม่สนใจก็จะส่งคืนให้พร้อมด้วยคำพูดว่า ดีครับ มีอีกไหม และถ้าหากว่าผู้อ่านยังคงวนเวียนดูพระอยู่แถวๆ นั้น ก็จะเห็นทั้งได้ยินกริยาเช่นนี้ซ้ำๆ ซาก ๆ นั่นแหละคือพวก มือใหม่หัดขับ ถือกล้องขอส่องพระเขาฟรี ๆ เพื่อหาประสบการณ์ในการยกระดับขึ้นเป็นเซียน ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่มีเงินเช่าซื้อพระ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ ขุนส่อง พวกนี้ไปสะดุดตอเข้า คือมีคนบางคนเขาเช่าซื้อพระมาจากแผงพระในสนามพระ แล้วก็ใส่ห้อยคอเดินไปอีกแผงหนึ่ง ซึ่งมีเซียนทั้งใหม่ทั้งเก่าสุมหัวกันอยู่พอดี ทั้งนี้ก็มีการขอดูพระเหมือนอย่างเคย เมื่อเจ้าของพระนำพระองค์นั้นที่เช่ามานั้นออกให้ดูแล้ว พวกที่ว่านั้นก็ส่งดูแล้วคืนให้พร้อมกับคำว่า ดูไม่ดีครับ พี่ ทีนี้ก็เป็นเรื่องครับ เพราะว่าพระองค์นั้นเจ้าของเพิ่งจะเช่ามาจากแผงตรงข้ามเมื่อไม่กี่วินาทีมานี่เอง ครั้นเจ้าของพระเมื่อทราบว่า พระไม่ดี ไม่แท้ ดังนั้น จึงนำพระองค์นั้นไปคืนเจ้าของพระเช่ามา ฝ่ายเจ้าของแผงพระที่ให้เช่ามานั้น ก่อนจะรับคืนก็ถามหาสาเหตุว่าทำไมถึงเอามาคืนครั้นทราบว่า เพราะแผงโน้นบอกว่าไม่ดี ดังนี้ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันที ไอ้ปากหมา.... คือคำสบถออกมาจากเจ้าของแผงที่ถูกคืนพระ และจากนั้นก็มีการยกแผงพระแลกหมัดกัน กว่าเรื่องจะยุติลงได้ก็ต้องเรียกเซียนเก่าหลายต่อหลายคนที่เป็นเป็นกรรมการตัดสินพระเครื่อง ให้มาเป็นกรมการตัดสินมวยแทนตั้งแต่นั้นมา ถ้าใครเอาพระไปให้เซียนในสนามพระดู ก็จะได้รับคำตอบกลับมาทุกครั้งว่า ดีครับพี่ มีอีกไหม ก็เป็นด้วยประการฉะนี้ ผู้เขียนขอเล่าให้ฟังอีกเรื่อง เรื่อง พระใบสั่ง เป็นพระที่ผู้เช่าต้องการแล้วไปสั่งเซียนพระให้ช่วยหาให้ เรื่องนี้ผู้เขียนฟังจากปากเพื่อนของผู้เขียนเล่าว่ามีกระบวนการก่อนกวนโดยทำงานกันเป็นทีม โดยการเริ่มจากการโทรมาสั่งพระที่ตนเองอยากได้เป็นจำนวนมากกับเซียน เมื่อถึงเวลารับพระกลับไม่มาเอาพระที่ตนเองสั่งไว้ แบบนี้เซียนก็จุกสิครับ เพราะต้องแบกรับพระชุดที่เป็น พระใบสั่ง นี้ ถึงตรงนี้เซียนก็ต้องยอมปล่อยในราคาถูกกว่าต้นทุน เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะปล่อยใคร พวกก่อกวนพวกนี้จึงได้พระไปในราคาถูกกว่าท้องตลาด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 12:03:01 pm » |
|
5.งานประกวดพระ ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมและศึกษาพระเครื่องมาก แต่ก็ไม่เคยส่งพระเข้าประกวดเลย เพราะเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่ดีหลายอย่างในงานประกวด เช่น 1.งานประกวดพระที่ไม่มีคุณภาพบางงานเล่นกันแบบนี้คือ พวกกรรมการตัดสินพระ จะตัดสินพระให้รางวัลเฉพาะกับพวกของตนเอง ลูกค้าของตัวเองไม่ใช่พระของพวกตัวเองก็ไม่ให้ติดรางวัล 2.บางงานจะมีเซียนพระมาหาพระในงานประกวด ซึ่งพอส่งพระเข้าโต๊ะประกวด กรรมการรับพระจะบอกว่า ไม่แท้ ทั้งที่เป็นพระแท้ พองานประกวดเลิกก็จะให้คนตามไปขอเช่าถูก ๆ แล้วเอามาขายทำกำไร 3.ใบประกาศไม่ได้บอกว่าพระองค์นั้นแท้ เพราะใบประกาศก็คือกระดาษธรรมดา พระแท้อย่างไรก็แท้อยู่วันยังคำ เนื่องจากงานประกวดบางงานกรมการตัดสินพระยังเชื่อถือไม่ได้ แล้วกระดาษใบเดียวจะเชื่อถือได้อย่างไร 4.งานประกวดบางงานมีการขโมยพระที่ส่งเข้าประกวด หรือถ้าพระไม่หายพระที่ส่งคืนกลับมาก็อาจจะช้ำ สภาพต่างจากก่อนส่งประกวด 5.งานประกวดพระที่ไม่มีคุณภาพ ที่มีกรรมการตัดสินเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งได้ตกลงกันแล้วว่าพระองค์นี้ พิมพ์นี้ ชุดนี้ถ้าส่งเข้ามาประกวดต้องติดรางวัลทั้ง ๆ ที่เป็นพระเก๊ แบบนี้พระเก๊ก็กลายเป็นพระแท้ บางทียิ่งว่านั้นดันตัดสินพระแท้เป็นพระเก๊ก็มี ถึงอย่างไรก็ตามงานประกวดพระที่มีคุณภาพก็ยังคงมีอยู่ และก็เป็นสิ่งที่ดีที่มีการจัดงานประกวดพระ แต่งานประกวดพระจะดีมีคุณภาพและน่าเชื่อถือต้องดูที่ผู้จัดการและกรรมการตัดสินพระว่าเป็นใคร ชำนาญในพระที่ตัดสินหรือไม่ ได้รับการยอมรับจากวงการหรือเปล่า และที่สำคัญต้องเป็นคนดีน่าเชื่อถือหากเป็นงานประกวดที่มีคุณภาพแล้ว เราก็สามารถนำพระมาตรวจสอบว่าแท้หรือไม่ ได้รับการยอมรับจากวงการหรือเปล่า และที่สำคัญต้องเป็นคนที่ดีน่าเชื่อถือ หากเป็นงานประกวดที่มีคุณภาพแล้ว เราก็สามารถนำพระมาตรวจสอบว่าแท้หรือไม่ หรืออาจเป็นทางหนึ่งที่ช่วงเพิ่มมูลค่าให้กับพระได้ โดยหากพระติดรางวัลราคาพระก็จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 12:29:26 pm » |
|
6.ความโลภเป็นเหยื่อของ 18 มงกุฏ เพื่อนของผมมีความศรัทธาในวัตรปฏิบัติและปฏิปทาของ หลวงพ่อเทียม แห่ง วัดกษัตราธิราช มาก ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อเทียม มีความเชี่ยวชาญในตำรา พิชัยสงคราม ของ สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว ท่านมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ทุกแขนงไม่ว่าจะเป็น ไสยเวท ,ศิลปกรรมวิจิตรศิลป์,สถาปัตยกรรม,ช่างสิบหมู่,กระบี่กระบอง,ค่ายกล ศึก ฯลฯเนื่องจาก หลวงพ่อเทียม ได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมายและเป็นที่นิยมของชาว จ.พระนครศรีอยุธยาที่ปัจจุบัน ของแท้ หายากมากจึงมี ของปลอม มาแทนที่เป็นขณะที่เพื่อนผู้เขียนออกมาล่าหาวัตถุมงคลของ หลวงพ่อเทียม แล้ววันหนึ่งไปเจอ นักหาของ ที่รู้จักกันดี มาบอกว่าไปเจอวัตถุมงคลของ หลวงพ่อเทียม ซึ่งเป็น รังใหญ่ เนื่องจาก เจ้าของ เป็นหลานแท้ๆ ของ หลวงพ่อเทียม เพื่อนของผมก็ยินดีจัดแจงนำเงิน ร่วมล้านบาท ไปเหมามาโดยผ่าน นักหาของ เพราะเชื่อใจกันจึงไม่ได้นำ วัตถุมงคลไปตรวจสอบก่อนจ่ายเงิน สุดท้ายมาทาบทีหลังว่าสูญเงินไปร่วม ล้านบาท ก็ต่อเมื่อนำวัตถุมงคลมาแขวนคอเพื่อไป อวดเซียน เซียนพอเห็นกลับทักว่าเป็น ของปลอม เพื่อนของผมเลยตกใจ รีบนำวัตถุมงคลที่เหมามาไป ตรวจสอบ จากผู้รู้ก็เลยได้ทราบว่าเป็น ของปลอม แทบทั้งหมดเช่นกันจึงนำไปคืน แต่ เจ้านักหาของตัวดี ผู้นั้นได้ ล่องหน หายตัวไปอยู่หนใดแล้วไม่ทราบ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะเพื่อนของผมบังเกิด ความโลภ นั่นเองเนื่องจาก วัตถุมงคล ที่เหมามาหากเป็น ของแท้ ถ้านำไปขายก็จะมีมูลค่า ล้านกว่า ๆ กำไรเห็นๆแต่เพราะ ความโลภ และ เชื่อใจ กันแท้ๆ จึง โดนเต็มเปา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 01:06:29 pm » |
|
7. พระเครื่องโปรโมท ตอนสมัยผู้เขียนเด็ก ๆ เริ่มหัดเล่นพระใหม่ๆ ก็ยังดูพระไม่เป็น เริ่มจากการเช่าพระรุ่นใหม่ ๆ ก่อน โดยซื้อหนังสือพระแบบมีโฆษณาเยอะ ๆก่อน ในหนังสือเขาก็มีพระใหม่ ๆ หลายรุ่น แบบว่าลูกศิษย์สร้างย้อนยุคบ้าง ต้องการเงินสร้างโบสถ์บ้าง โดยจะอ้างสรรพคุณพระต่าง ๆ นาๆ มีทั้งคงกระพัน มหาอุด เมตตา มหานิยม มีสารพัด มีรูปภาพประกอบเกจิ อาจาย์ จัดพิธีใหญ่โต อ้างถึงบุคคลที่มีประสบการณ์ต่าง ๆนานา และท้ายสุดบอกว่าของใกล้หมดแล้วให้รีบบูชาโดยด่วน (คล้ายสโลแกนของนักสร้างพระบางคน) ถ้าหมดรุ่นนี้แล้วก็จะมีสร้างอีกต้องรออีกหลาย 10 ปี ผู้เขียนก็เลยอยากได้ ตอนแรกเช่ามาก็รู้สึกแบบว่าดูดีแบบคิดไปเอง รุ่นนี้ในหนังสือบอกว่าดี อนาคตไกล คิดไปต่าง ๆ นานา เวลาผ่านไป 10 กว่าปีแล้ว ราคาพระที่เช่ามานี้ก็ยังแทบจะอยู่เท่าเดิม และยังไม่ค่อยเห็นมีใครพูดถึงเลย โชคดีด้วยความเป็นเด็กยังหาเงินไม่ได้ เลยได้มาเก็บไว้เป็นที่ระลึกเฉยๆ ก็ขอเล่าผ่านประสบการ์เล็กน้อยเกี่ยวกับพระโปรโมทครับ ยังมีอีกเรื่องมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านต่อ จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้อ่านมา โดยเจ้าของเรื่องเล่าว่าได้เคยเช่าพระสี่องค์ซึ่งราคาแต่ละองค์อยู่ในหลักพันกลาง ๆ ที่เขาเช่ามาเพราะว่าไปอ่านเจอข้อมูลจากในเว็บพระเครื่องแห่งหนึ่งเขียนเกี่ยวกับประวัติกาสร้างและผงวิเศษมากมายที่นำมาสร้างพระรุ่นนี้ อ่านแล้วเขาศรัทธามาก เลยลองติดต่อคนที่เอาข้อมูลมาลง และนำรูปพระมาโชว์ว่าอยากจะขอแบ่งมาใช้บ้าง และเขาก็ได้พระมา แต่หลังจากนั้นปรากฎว่ามีผู้นำข้อมูลเชิงลึกออกมาเปิดเผย ว่ามวลสารสำคัญอันเป็นผงวิเศษแสนวิเศษสุดของพรรณนาของ พระรุ่นนี้ เป็นเรื่องยกเมฆขึ้นเพื่อผลทางการค้า ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจริงหรือเท็จ (ทำให้เขาไม่เชื่อข้อมูลที่ได้จากคนขายพระอีกต่อไป) อีกครั้งนึงเขาก็เจอข้อมูลแนะนำพระเครื่องดี ๆ ที่น่าเก็บสะสมซึ่งแนะนำโดยผู้ขายคนเดิม เขาได้อ่านแล้วก็ศรัทธาจับใจเหมือนเดิมก็เลยติดต่อเช่ามาเช่ามาแล้ว ก็เกิดอยากจะหาให้เพื่อนอีกสักองค์ ก็เลยติดต่อไปใหม่ คราวนี้ปรากฎว่าราคาแพงขึ้นครับ เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวเล่นเอาเขางงไปเลย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลยไม่เชื่อข้อมูลที่ผู้ขายพระเอามาลงสักเท่าไหร่ จุดนี้ทำให้เขาเชื่อว่าการปั่นราคาพระมีจริง ซึ่งอาจจะปั่นโดยการบอกว่ามีประสบการณ์อย่างมากมายปั่นโดยทำให้น่าสนใจ เช่นบอกว่าเสกดีอย่างนั้น มวลสารดีอย่างนี้ พอคนสนใจมากเข้าก็ขึ้นราคา ทุกวันนี้ก่อนเขาจะเช่าหาวัตถุมงคลอะไร เขาต้องดูประวัติการสร้างให้แน่ใจก่อน เช่น สร้างจริง อันนี้ไม่ต้องดูอะไรมาก เพราะสร้างจริงแน่นอน เพราะถ้าไม่สร้างจะมีของออกมาได้ไง เสกจริง ครูบาอาจารย์ที่ระบุว่าเป็นผู้สร้างทำการปลุกเสกให้อย่างแน่นอน จำนวนการสร้างอันนนี้สัมพันธ์กับข้อสองด้วย คือพระทุกองค์ที่สร้างขึ้นมานั้นต้องปลุกเสกทั้งหมด ไม่ใช่สร้างพัน เสกสิบ ขายหมื่น แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เช่นจากตัวครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสพเองแต่ถ้าข้อมูลจากทางหนังสือพิมพ์อย่างพึงเชื่อ เพราะวัตถุมงคลใหม่ ๆ หลายรุ่นที่เห็นหนังสือพิมพ์อย่างพึงเชื่อ เพราะวัตถุมงคลใหม่ ๆ หลายรุ่นที่เห็นหนังสือพิมพ์ลงให้เกรียวกราวว่ามีประสบการณ์อย่างงั้นอย่างงี้ หากได้ลองหาข้อมูลเชิงลึกดูแล้วจะพบว่าบางครั้งท่านไม่ได้ปลุกเสกให้ด้วย หรือว่านำมาให้ปลุกเสกไม่กี่องค์ ที่เหลือเก็บไว้ลงขายอย่างเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
โยธิน
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 03:22:39 pm » |
|
ขอบคุณมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ขุนทัพ
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2009, 01:11:44 am » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
yelry
Newbie
กระทู้: 2
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 23, 2010, 08:54:38 pm » |
|
เยี่ยมเลยครับพี่ " ใจมันรัก " แล้วย้อนยุคของหลวงพ่อกวยมีประวัติการสร้างที่แน่นอนใหมครับ พอดีผมอ่านเจอในหนังสือลานโพธิ์ และเห็เขาแจ้งว่าของใกล้หมดครับกลัวจะเป็นอย่าที่พี่ว่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 30, 2010, 10:29:14 pm » |
|
ขอบคุณทุกท่านมากครับ ผมห่างหายไปนาน เพราะงานพึ่งลงตัว สอบเสร็จแล้ว มีเวลามาทำงานเพื่อศิษย์พี่ ศิษย์น้องต่อ มาต่อกับเล่ห์เหลี่ยมต่อไปเลยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 30, 2010, 10:35:33 pm » |
|
เล่ห์เหลี่ยมเซียนพระ มักจะมีลักษณะเช่นนี้ 1.อ้างว่าต้องการขายถูกหรือร้อนเงิน มีเด็กมาฝากให้ช่วยปล่อยพระให้หน่อย อ้างว่าเป็นพระตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่งนิยายให้เชื่อบ้างว่ามีใบประกาศจากงานประกวด (ใบเซอร์ปลอมก็มีระวัง) 2.นำพระเกจิท่านอื่นมาสวมรอยเนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่นพระหลวงตาพัน พระหลวงปู่ภูหูติ่ง บางขุนพรหม พ.ศ.2509 มาตกแต่ง แกะศัลยกรรมให้สภาพใช้ช้ำ ซึ่งจะทำให้มีลักษณะใกล้เคียงกันกับพระสมเด็จวัดระฆังแล้วปล่อยถูกเซียนบางคนโดนทุบมาแล้ว 3.บางท่านมีพระแท้ แต่ดันหลงคารมคนที่อ้างว่าเป็น “เซียนใหญ่” แต่งตัวภูมิฐาน บางคนตกควาย (พระตัวเองแท้และราคาแพง แต่กลับปล่อยออกไปในราคาถูก) เซียนเก๊บางคนดูพระไม่เป็นดีแต่สวดพระของคนอื่น พวกนี้อยู่ชมรม “นักสวดแห่งประเทศไทย” บางคนหลงแลกพระดีกับคนพวกนี้ก็มี ดังนั้นต้องระวังอย่าหลงคารมหรือดูแค่ลักษณะภายนอก 4.เซียนบางคนท้าให้แห่พระของตนในสนาม โดยร้านที่เอาไปแห่ก็เป็นพวกเดียวกันกับตน เซียนพวกนี้มีนกรู้ชอบสร้างฉากละคร 5.แบบนี้ก็มีทีแรกก็ทำทีให้เราเช่าพระแท้ ๆ หลายองค์ จนเราเริ่มตายใจพอเราเชื่อใจเซียนคนนี้ พี่แกจึงค่อย ๆ เชือด ค่อยๆ ปล่อยพระแท้บ้างพระเก๊บ้างปนๆ กันดังนั้นคิดจะเช่าพระต้องดูพระเป็นด้วยอย่าเชื่อใจหรือยืมตาเซียนฝ่ายเดียวครับ 6.ชอบบอกกันว่าถ้าพระเก๊คืนเงิน ประกันอย่างโน้นประกันอย่างนี้ แต่พอเอาพระเก๊มาคืน (เก๊จริง ๆ คือตรวจสอบแน่ชัดแล้ว) พี่แกดันอิดออดอ้างโน่นอ้างนี่ แถมดันหักตั้งครึ่งราคา เหมือนบังคับทางอ้อมว่าไม่ให้คืน 7.เป็นเซียนเปิดร้าน แต่ถ้าลูกค้ามาถามพระในร้านของตน กลับบอกว่าพระองค์นี้ดูไม่เป็น แบบนี้อย่าเชื่อนะครับ เพราะพระในร้านถึงจะดูไม่เป็น แต่ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าแท้หรือเก๊ อีกทั้งเซียนพระพวกนี้มีพวกเยอะเอาพระไปตรวจสอบแป๊บเดียวก็รู้แล้วครับว่าแท้หรือเก๊ 8.ถามราคาพระในร้าน แต่กลับบอกว่าเค้าฝากปล่อย การันตีไม่ได้หรือไม่มีการันตี อย่าเชื่อครับ เพราะถ้าเป็นพระแท้ก็ต้องการันตีให้อยู่แ ล้วครับ 9.ถ้าเซียนบอกว่า พระรุ่นเค้าเล่นหากันหลายบล็อค อันนี้ต้องระวังหน่อยก่อนจะเช่าพระ ต้องศึกษาข้อมูลพระรุ่นนั้น ๆ ก่อนเช่า แล้วจะไม่เจ็บใจโดยไปเช่าหารุ่นที่ไม่นิยมในราคาแพงเท่ากับรุ่นนิยม 10.ถ้าเก๊เอามาเปลี่ยนได้ และสุดท้ายก็ต้องเอาพระมาเปลี่ยนองค์อื่น ๆ ในร้านไป ก็ยังเสียตังค์อยู่ดี ไม่ได้ตังค์คืนแถมพระที่เปลี่ยนไปดันเก๊อีก ซวยจริง ๆ 7.หลักการปั่นราคาพระเครื่อง หลักๆ ต้องมีพระจำนวนค่อนข้างมาก จึงจะสามารถปั่นราคาได้ การปั่นราคาจะเหมาะกับพระที่มีอายุ 1-10 ปี โดยการปั่นราคาพระเครื่องมีดังนี้ 1.สร้างสถานการณ์ คือหาหน้าม้ากลุ่มหนึ่ง ไปกวดเช่าซื้อพระที่ต้องการปั่นราคา สมมุติขายกัน 500 ก็ไปเช่ามาซัก 700 แล้วบอกให้หาพระมาเพิ่มอีกจะเช่าต่อ โดยจะกระจายหลายจุด หลายที่ ข่าวปากต่อปากจะไวมาก ผ่านไประยะหนึ่งจะมีพวกที่ต้องการพระและบอกหาพระชุดนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ต้องมาเช่าหาพระของเราซึ่งทุนอาจจะ 2-300 บาท จากการเก็บไว้จำนวนมาก ๆ แต่ต้น จึงทำกำไรได้อย่างงาม แต่พระที่ปั่นราคานี้ซักพักราคาจะหยุดแล้วตกลง 2.ประกาศขายพระให้สูงกว่าชาวบ้าน ในกรณีนี้ต้องมั่นใจว่าพระสร้างไม่มาก หายาก เช่น สร้าง 2,000 องค์ ถ้ามีซัก 50-100 องค์ก็พอแล้ว วิธีการประกาศขายเช่นลงหนังสือนิตยสารพระเครื่อง เพราะจะทำให้คนหลาย ๆ คนเชื่อว่าพระชุดนี้ขายกันราคานี้จริง ๆ ผู้ที่ได้อ่านข้อมูลในหนังสือพระชุดที่ลงราคาไว้และตนเองก็มีพระชุดนี้ก็ต้องขายราคานี้เหมือนกัน ทำให้ราคาพระถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 3.ให้เพื่อนหรือก๊วนที่เตี๊ยมกัน หมุนเวียนกันเช่า-ปล่อยพระ ผลัดซื้อขายหมุนเวียนกัน โดยส่วนใหญ่จะทำกันในสื่ออินเตอร์เน็ต พวกไม่ทราบกลไกของราคาพระ และได้เห็นการซื้อ-ขายพระ ก็จะเชื่อและเข้าใจว่ามีการเช่า-ปล่อยพระกันจริง ๆ แล้วจะเช่าตามราคาที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน วิธีนี้ค่อนข้างแนบเนียนแต่คนที่เล่นพระหรือสื่ออินเตอร์เน็ต มานานก็จะมองออกครับ เพราะราคาจะกระโดด ไม่ไกลเกินจริง แต่ซักพักก็จบเกมเหมือนกัน ไม่มีคนเช่า ทั้งนี้เพราะราคาโอเวอร์เกินจริง 4.สร้างสถานการณ์หรือกระแสข่าวลือให้น่าเชื่อถือว่าพระชุดที่จะปั่นราคานั้นศักดิ์สิทธิ์ ยิงไม่เข้า มีรูปแปลก ๆ ประกอบยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ ซึ่งวิธีการแบบนี้สมัยก่อนใช้กันเยอะ 5.การปั่นราคาพระ จะกระทำกับพระใหม่เป็นหลัก เพราะประวัติยังมีไม่มาก ใส่ข่าวเข้าไปนิด แถมอภินิหารและรูปแปลกๆ หน่อย ก็จะทำให้น่าเชื่อถือครับ ส่วนพระที่ปั่นราคาได้ยากก็มีนะครับเช่น 5.1พระกรุต่าง ๆ เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับความต้องการและความหายากเป็นหลัก การหมุนเวียนของพระมีน้อย เพราะพระมีจำนวนจำกัด มีการแตกหักสูญหายไปตามกาลเวลา ไม่เหมือนพระใหม่ที่จะสร้างใหม่กี่องค์ก็ได้ ทำให้การปั่นราคาพระทำได้ยาก ดังนั้นพระกลุ่มนี้โดยมากจะเป็นราคาจริงที่ซื้อ – ขายกันไม่ใช่ราคาปั่นครับ 5.2พระเกจิ ที่สร้างจำนวนน้อย ๆเช่น พระสายกรรมฐาน หรือสายพระเกจิยุคเก่า ช่วงก่อนปี 2500 ลงไปเพราะหายากและความต้องการสูงเพราะพระกลุ่มนี้มีคนคอยเช่าอยู่ตลอดเวลา คนที่ขายพระมักจะอ้างประสบการณ์ อ้างนู่นอ้างนี่ เพื่อขายพระ หากท่านผู้อ่านเชื่อก็จบเกม โดนหลอกจ่ายตังค์ การเล่นพระไม่เหมือนทองครับ ที่เช่าแล้วขายต่อได้เลย แม้ขาดทุนนิดหน่อย แต่พระหากเช่าผิดคือจบ (โดนของเก๊) ขาดทุนเต็ม ๆ ดังนั้นการเช่าพระและเก็บสะสมพระต้องมีความรู้ ตาถึง เงินถึง และต้องมีสติอยู่เสมอ เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในวงการพระ ผู้เขียนเองคงจะไม่สามารถนำเสนอได้ครบทุกเรื่องราวทั้งหมด หากแม้นท่านผู้อ่านจะต้องฝึกหัดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงจึงจะทันต่อเล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้ได้ ดังนั้นการเล่นพระต้องเล่นด้วยตา มีสติ อย่าโลภ แล้วจะทันกลโกงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
ใจมันรัก
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 30, 2010, 10:40:55 pm » |
|
บทส่งท้ายบทที่ 7 บทความนี้ผู้เขียนเห็นว่าเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่าน สำหรับการเก็บสะสมพระจึงขอนำเสนอเพิ่มเติม 1.1เมื่อท่านผู้อ่านสงสัยพระของตนว่าแท้หรือเปล่า ก็ให้นำพระอ่านส่งเข้าประกวด (งานใหญ่ซัก 2-3 งาน ) ถ้ากรรมการรับพระของท่านผู้อ่าน ท่านผู้อ่านก็สบายใจได้ว่าแท้ระดับหนึ่ง 1.2เมื่อท่านผู้อ่านสงสัยพระของตนว่าแท้หรือเปล่า ให้แกะกรอบทองออกแล้วใส่กรอบสเตนเลสแทน ให้เด็กคนที่ไว้ใจได้ไปที่สนามพระ ทำทีว่าร้อนเงินเพื่อจะปล่อยพระ ถ้าเซียนแผงใหญ่ถามเช่าก็สบายใจได้ แต่ทั้งนี้ราคาออกตัวต้องเหมาะสมครับ ที่สำคัญอย่าให้เขาจับไต๋ได้ว่าแห่พระ 1.3เมื่อท่านผู้อ่านสงสัยพระของตนว่าแท้หรือเปล่า ก็ให้เซียนดู ถ้าเซียน 7 คนบอกแท้ เซียน 3 คนบอกเก๊ ก็ให้เก็บพระไว้ก่อน ระวังอย่าเช่าพระ 1.อย่าเช่าตอนกลางคืน เพราะเงาแสงจะหลอกตา 2.อย่าเช่าพระเลี่ยมกรอบไว้ เซียนพลาดมาแล้วโดยเฉพาะเหรียญ และเนื้อดิน 3.อย่างแลกพระกับเซียนถ้าไม่รู้จริง เพราะเซียนจะมีพระชุดหนึ่งไว้แลกที่แขวนคอก็ไว้แลก ไม่มีใครเขาเอาพระหลักมาแลกกันหรอกครับเขาอุบไว้ 4.เวลานำพระมาโชว์เซียน บางทีเขาจะเช่าพระเก๊เราทั้ง ๆ ที่รู้ หรือยอมเสียเปรียบนำพระราคาสูงกว่ามาแลกกับพระที่ไม่มีราคาของเรา ให้เราดีใจเล่น แต่จริงๆ เขาจะหมายตาพระอีกองค์ของเราเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเรานั่นเอง สิ่งสำคัญคือ 1.อย่าบ้าพระให้มากนักถึงขนาดมีเงินเท่าไหร่เช่าพระหมดทุกรุ่น บางท่านนำฝังดินไว้ นอนละเมอเห็นก้อนหินดินนึกว่าพระ เห็นภรรยาก็จินตนาการเป็นสมเด็จฯ ไป 2.อย่าจับพระมาถูเหงื่อ ให้จับขอบพระ เจ้าของจะหวง แสดงว่าเราไม่อนุรักษ์ 3.ถ้าไถหรือหลอกพระเขาฟรี ๆ หรือเช่าพระที่ลักขโมยมาบาปนะครับ 4.ดูเซียนให้ออกว่าใครเป็นของจริง ของปลอม ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
|
|
|
PEAK
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 01, 2010, 12:21:26 pm » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|