ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
  
    หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก   
 
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เล่ห์เหลี่ยมคนขายพระ  (อ่าน 23028 ครั้ง)
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:15:51 am »

 เห็นเรื่องราวดีๆ เลยนำมาฝากกันครับ เป็นข้อความจากหนังสือ "เก็บพระให้เป็น ผู้เขียนคือคุณ ษรวัฒน์"ครับ
      *เล่ห์เหลี่ยมในวงการพระเครื่องเหมือนกับเอาเรื่องสามก๊ก + เรื่องไซอิ๋ว + กรมประชาสัมพันธ์ มีทั้งเล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ ผสมเรื่องราวอิทธิฤทธิ์อภินิหารการโฆษณาช่วนเชื่อ หลอกลวงต้มตุ๋น แท้ผสมจริง จริงผสมเทียมสารพัดวิธี เล่ห์เหลี่ยมหรือกลโกงนั้นมีอยู่ทุกวงการ ทุกสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการพระเครื่อง การที่เราจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกขี้โกง พวกเซียนพระเหล่านี้ได้นั้น จะต้องอาศัยประสบการณ์และสติปัญญาจึงจะสามารถดำรงอยู่ในวงการนี้อย่างมั่งคง บางคนแค่เริ่มเล่นพระและได้มาเจอกลุ่มคนเจ้าเล่ห์พวกนี้ ด้วยความเข็ดขยาดก็ต้องเลิกเล่นพระไปก็เยอะ แต่บางคนถ้าทันเหลี่ยมคนพวกนี้ก็จะอยู่ในวงการนี้ได้อย่างผาสุก ดังนั้นในบทนี้ผู้เขียนจึงได้แนะนำและรวบรวมเล่ห์เหลี่ยมในวงการพระที่ผู้เขียนได้ประสบมาบางส่วน มานำเสนอให้กับท่านผู้อ่านได้อ่านประดับความรู้กัน เพื่อจะได้เป็นสิ่งคอยเตือนสติและเป็นภูมิคุ้มกันให้กับท่านผู้อ่าน ให้รอดพ้นจากพวกเสี้ยนพระ พวกเหลี่ยมจัดเหล่านี้ไปได้ หวังว่าบทความเหล่านี้จะช่วยก่อประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยครับ
      1.เรื่องคนทำพระเก๊
   รุ่นพี่คนหนึ่ง เมื่อก่อนแกก็ปล่อยพระแท้แถวท่าพระจันทร์ โดยปู่กับย่าแกมีพระเก่าๆ มาจากสุพรรณไม่น้อย นาน ๆ เข้าพระของแกเริ่มหมด แกก็เลยเริ่มสรรหาวิธีการสร้างพระปลอมแบบต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าในสมัยนี้ยังใช้วิธีนี้ทำบุญอีกรึเปล่าครับ ลองมาฟังดูกัน
     1.คราบฟองเต้าหู้
   รุ่นพี่คนนี้เค้าเล่าว่าเขาจะนำพระเครื่องเป็นพัน ๆ องค์วางเรียงบนลานกว้าง ๆ แล้วนำผงซักฟอกผสมน้ำแล้วตีให้เกิดฟองแล้วก็สาดไปที่ลานที่มีพระเครื่องวางอยู่พอพระเริ่มแห้งก็จะเกิดเป็นคราบฟองเต้าหู้
     2.แตกลายงา..
   ฟังเรื่องนี้แล้วดูตลกแต่ลองฟังกันดูครับ คือตัวพี่เขาเอากระทะใบบัวขนาดใหญ่ตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วนำพระเครื่องลงไปทอดในน้ำมันโอ้โหแตกลายงา ขึ้นสวยเลยครับ
     3.พระปลอมง่าย ๆ แบบทำให้แลดูเก่า
   บางคนก็นำไปฝังดินไว้เป็นปี ๆ เลยครับ ขึ้นเป็นคราบดินติดกับพระเลย ดูเหมือนเป็นคราบกรุ
     4.การใช้น้ำกรดหรือสารเคมี..
   วิธีนี้จะทำให้พระดูเหมือนถูกกัดกร่อนดูสึกใช้กับพระแทบทุกชนิดยิ่งถ้าเป็นเนื้อโลหะแล้วนะ ขอบอกกร่อนสมใจ บางคนที่เคยเห็นใช้น้ำยาล้างห้องน้ำก็มีอะไรจะขนาดนั้น
     5.วิธีระบายสี..
   อย่างคิดว่าเป็นวิธีเด็ก ๆ นะครับ เคยไปดูพระกับเพื่อนๆบอกเนื้อจัดมาก โอ้โหพอเอาเล็บเขี่ยดูคราบกรุเป็นสีโปสเตอร์ติดมือมาเลย
    6.อื่น ๆ..
   ยังมีอีกหลายวิธีครับ แต่ที่รู้มามีแค่นี้ ยังมีวิธีสมัยใหม่ที่ผมยังไม่รู้และยังไม่เคยลอง เช่น นำพระเข้าตู้อบไมโครเวฟ เป็นต้น
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:30:18 am »

     2.บล็อคคอมพิวเตอร์,เหรียญคอมพิวเตอร์,เหรียญไฮเทค
   ก่อนอื่นผู้เขียนขอกล่าวถึงการทำเหรียญปลอมในสมัยก่อน ก่อน การปลอมพระเหรียญ(ปั๊ม) เมื่อก่อนจะใช้ช่างแกะผู้ชำนาญงานแกะพิมพ์ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่ความละเอียดปราณีต ของช่างแต่ละคน เหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง คนเล่นพระที่มีความชำนาญหรือเคยเห็นของจริงสามารถแยกออกว่าแท้หรือปลอมโดยง่ายในปัจจุบันนี้โลกเราก้าวไปไกลมาก วงการพระก็เช่นกัน ได้มีคนหัวใสกลุ่มหนึ่งพยายามสรรหาวิธีปลอมแปลง จนได้เหรียญปลอมที่แนบเนียนที่เขย่าวงการพระจนปั่นป่วนที่เราทุกคนรู้จักกันดี คือ “เหรียญบล็อคคอมพิวเตอร์”
การสร้างบล็อคคอมพิวเตอร์ หรือแม่พิมพ์นั้นเริ่มจาก
    1.ต้องมีเหรียญแท้ๆ ของจริง ที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์มาเป็นต้นแบบ
    2.นำเหรีญไปทำการถอดแบบ หรือถอดขนาด โดยใช้เครื่องถอดขนาดเครื่องพวกนี้จะมีอยู่ในห้องแล็ป จะให้คำที่ถอดออกมาละเอียดเป็นไมครอนเลย
    2.1 เครื่องวัดภาพขยาย (VDO) เครื่องนี้จะเป็นตัววัดค่าตำแหน่งต่างโดยมีคำสั่งต่างผ่านคอมพิวเตอร์ เช่นตำแหน่งเหรียญ ความกว้าง ระยะห่างระหว่างตำแหน่ง รวมถึงตำหนิ บนเหรียญต่าง ๆ แล้วแต่คนถอดแบบ จะเป็นคนวัดโดยภาพที่ขยายได้ เช่น เหรียญ 50 สตางค์สามารถขยายได้ใหญ่กว่าทีวีสี 14 นิ้ว ทำให้คนถอดแบบสามารถถอดตำแหน่งต่างของเหรียญได้โดยสะดวก และได้ค่าละเอียดมาเป็นไมครอน
    2.2 เครื่องวัดแนวแกน (CMM) เครื่องนี้จะเป็นเครื่องวัดขนาดรวม คือ วัด รูปร่าง ความหนา แบบเป็น 3 มิติ ความหนาของพื้นผิวต่าง ๆ เป็นต้นให้ค่าละเอียดเป็นไมครอนเหมือนกัน
    3. เมื่อได้ค่าขนาดที่ถอดแบบจากเครื่องมือวัดละเอียดต่าง ๆ แล้วก็ส่งข้อมูลที่ได้ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะมีการใช้โปรแกรม CAD/CAM/CAE ทำการสร้างแบบจำลอง 3 มิติขึ้นมา เพื่อทำการสร้างแม่พิมพ์เป็นแบบจำลองบนคอมพิวเตอร์
    4. คอมพิวเตอร์จะทำการสร้างคำสั่ง  G-CODE หรือค่าขนาดที่เครื่องคอมพิวเตอร์แปลงจากค่าวัดละเอียดเป็นคำสั่ง ส่งไปยังเครื่องจักรอัตโนมัติ
    5. เมื่อเครื่องจักรคอมพิวเตอร์ (CNC) รับข้อมูลมาก็จะทำการสร้างแม่พิมพ์โดยการทำการกัดแม่พิมพ์ตามค่าที่ได้มา จนได้แม่พิมพ์เหรียญที่สมบูรณ์
    6. นำแม่พิมพ์ที่ได้ไปทำการทดลองปั๊ม แล้วนำเหรียญที่ได้ไปทำการตรวจสอบความเหมือนหรือ แนบเนียน หากคุณภาพไม่ได้ตามต้องการก็จะมีการทำตามวีขั้นต้นซ้ำ ให้ตรงกับความต้องการ
   เหรียญปลอมที่ได้มาจากกรรมวิธีนี้ ที่ทำไม่แนบเนียน อาจจะเกิดจาก
    ก. ถอดขนาดจากต้นแบบไม่ครบ
    ข. เครื่องจักรไม่เที่ยงตรง
    ค. และอื่น ๆ อาจจะเกิดจากความชำนาญของช่างที่ดูแล
     จากข้อมูลที่ผู้เขียนกล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นวิธีการสร้างเหรียญปลอม(คอมพิวเตอร์) แค่วิธีหนึ่งเท่านั้น ยังมีวิธีสุดยอดอีกหลายวิธีซึ่งผู้เขียนเองก็ยังไม่ทราบวิธีการทำอยู่อีก ถึงแม้ว่าคนที่พยายามจะปลอมเหรียญอย่างไร ผู้เขียนคิดว่ายังไงก็ยังไม่เหมือนของจริง 100% เพราะจุดที่คอมพิวเตอร์ยังทำไม่ได้ก็มีครับ เช่น ลักษณะผิวเหรียญเนื้อเหรียญ ขอบเหรียญ การปั๊มตัด เป็นต้น
     ในอดีตท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินชื่อ “บล็อกฮ่องกง” ซึ่งผู้เขียนคิดว่าการทำบล็อคมาจากฮ่องกง แต่แท้จริงแล้วเมืองไทยเราก็สามารถทำได้หมดทุกขั้นตอนครับ ตามโรงงานใหญ่ เขามีห้องแล็ปทดสอบหลายที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนมั่นใจ คือ ต้องมีคนในวงการพระหรือพวกที่ชำนาญการด้านเหรียญพระเครื่อง  มาเป็นที่ปรึกษาในการแกะบล็อคปลอมแน่นอน ไม่เช่นนั้นจุดตายของบล็อคคอมพิวเตอร์จะใกล้เคียงกับของจริงของแท้ได้อย่างไรครับ ขอให้ทุกท่านผู้อ่านมีสติในการเช่าหาพระ
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:35:52 am »

     3.พวกหน้าม้าในเว็บไซค์พระเครื่อง
   ในเว็บไซต์พระเครื่องต่าง ๆขณะนี้ได้มีพวกที่ไม่ประสงค์ดี ได้เข้ามาทำงานกันเป็นขบวนการ โดยจะส่งรูปพระเข้ามาสอบถามว่า พระแท้หรือพระเก๊ ราคาเล่นหากันประมาณเท่าไร พอทราบข้อมูลแล้ว ก็จะทำตัวเป็นพวกมือใหม่ใจสะอาด โดยการบอกว่าต้องการที่ปล่อยให้เช่าบูชาพระของตัวเองที่พึ่งสอบถามไปพวกนี้จะทำกันเป็นขบวนการแล้วจะมีหน้าม้าโผล่มาคอยสอบถามราคา และติดต่อขอเช่าซื้อพระองค์นั้น ทำกันแบบแนบเนียน น่าเชื่อถือมาก ทั้ง ๆ ที่พระองค์นั้นเป็นพระเก๊หรือหากเป็นพระแท้ แต่เรากลับเผลอโดนเงินให้ก่อนโดยที่ไม่รู้จักหน้าค่าตา เมื่อเค้าได้เงินไปแล้วเรากลับไม่ได้พระอย่างนี้ช้ำใจครับ หรือในหน้า Board ที่มีการประมูลพระ ทั้งๆ ที่พระองค์ที่ลงประมูลนั้นเป็นพระเก๊ แต่กลับมีหน้าม้าซึ่งทำเป็นขบวนการมาใส่ราคาประมูลเพื่อทำให้พระองค์นั้นน่าเชื่อถือว่าเป็นพระแท้ หากตัวเราขาดสติยั้งคิด ขาดความรอบคอบ เผลอคิดว่าพระองค์นั้นเป็นพระแท้เพราะมีคนเข้ามาประมูลเยอะแบบนี้ก็เสร็จโจรแน่นอนครับ ดังนั้นผู้เขียนแนะนำว่า การเช่าพระควรเช่าพระ กับบุคคลที่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่งร้านที่เปิดเป็นทางการ มีที่อยู่ติดต่อได้แน่นอน จะดีที่สุดครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านผู้อ่านเอง จะได้ไม่ต้องเสียเงินฟรีและที่สำคัญต้องมีสติอย่าเล่นพระด้วยหูให้เล่นด้วยตาครับ
     4.เรื่องเล่าในสนามพระ
ในสนามพระทั่วไป หากท่านผู้อ่านเดินเข้าไปตามรายทางแผงพระ ก็จะพบกับพวก “ขุนส่อง” จำนวนหนึ่ง ถือกล้องส่องพระขนาดเล็ก ๆ ยืนถามอย่างไม่มีมารยาทว่า “มีอะไรให้ดูบ้างไหมพี่ “ หรือ “ห้อยพระอะไร เพ่ ปล่อยไหม” และถ้าหากว่าท่านผู้อ่านเอาพระที่ห้อยให้คนพวกนี้ดู พวกนี้ก็จะจับพระเข้ากล้องและส่งพลิกไปพลิกมา ถ้าไม่สนใจก็จะส่งคืนให้พร้อมด้วยคำพูดว่า “ดีครับ มีอีกไหม” และถ้าหากว่าผู้อ่านยังคงวนเวียนดูพระอยู่แถวๆ นั้น ก็จะเห็นทั้งได้ยินกริยาเช่นนี้ซ้ำๆ ซาก ๆ นั่นแหละคือพวก “มือใหม่หัดขับ” ถือกล้องขอส่องพระเขาฟรี ๆ เพื่อหาประสบการณ์ในการยกระดับขึ้นเป็นเซียน ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่มีเงินเช่าซื้อพระ
แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ “ขุนส่อง” พวกนี้ไปสะดุดตอเข้า คือมีคนบางคนเขาเช่าซื้อพระมาจากแผงพระในสนามพระ แล้วก็ใส่ห้อยคอเดินไปอีกแผงหนึ่ง ซึ่งมีเซียนทั้งใหม่ทั้งเก่าสุมหัวกันอยู่พอดี ทั้งนี้ก็มีการขอดูพระเหมือนอย่างเคย เมื่อเจ้าของพระนำพระองค์นั้นที่เช่ามานั้นออกให้ดูแล้ว พวกที่ว่านั้นก็ส่งดูแล้วคืนให้พร้อมกับคำว่า “ดูไม่ดีครับ พี่” ทีนี้ก็เป็นเรื่องครับ เพราะว่าพระองค์นั้นเจ้าของเพิ่งจะเช่ามาจากแผงตรงข้ามเมื่อไม่กี่วินาทีมานี่เอง ครั้นเจ้าของพระเมื่อทราบว่า “พระไม่ดี ไม่แท้” ดังนั้น จึงนำพระองค์นั้นไปคืนเจ้าของพระเช่ามา ฝ่ายเจ้าของแผงพระที่ให้เช่ามานั้น ก่อนจะรับคืนก็ถามหาสาเหตุว่าทำไมถึงเอามาคืนครั้นทราบว่า “เพราะแผงโน้นบอกว่าไม่ดี” ดังนี้ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันที “ไอ้ปากหมา....” คือคำสบถออกมาจากเจ้าของแผงที่ถูกคืนพระ และจากนั้นก็มีการยกแผงพระแลกหมัดกัน กว่าเรื่องจะยุติลงได้ก็ต้องเรียกเซียนเก่าหลายต่อหลายคนที่เป็นเป็นกรรมการตัดสินพระเครื่อง ให้มาเป็นกรมการตัดสินมวยแทนตั้งแต่นั้นมา ถ้าใครเอาพระไปให้เซียนในสนามพระดู ก็จะได้รับคำตอบกลับมาทุกครั้งว่า  “ดีครับพี่ มีอีกไหม” ก็เป็นด้วยประการฉะนี้   
ผู้เขียนขอเล่าให้ฟังอีกเรื่อง เรื่อง “พระใบสั่ง” เป็นพระที่ผู้เช่าต้องการแล้วไปสั่งเซียนพระให้ช่วยหาให้ เรื่องนี้ผู้เขียนฟังจากปากเพื่อนของผู้เขียนเล่าว่ามีกระบวนการก่อนกวนโดยทำงานกันเป็นทีม โดยการเริ่มจากการโทรมาสั่งพระที่ตนเองอยากได้เป็นจำนวนมากกับเซียน เมื่อถึงเวลารับพระกลับไม่มาเอาพระที่ตนเองสั่งไว้ แบบนี้เซียนก็จุกสิครับ เพราะต้องแบกรับพระชุดที่เป็น “พระใบสั่ง” นี้ ถึงตรงนี้เซียนก็ต้องยอมปล่อยในราคาถูกกว่าต้นทุน เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะปล่อยใคร พวกก่อกวนพวกนี้จึงได้พระไปในราคาถูกกว่าท้องตลาด
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 12:03:01 pm »

     5.งานประกวดพระ
   ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมและศึกษาพระเครื่องมาก แต่ก็ไม่เคยส่งพระเข้าประกวดเลย เพราะเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่ดีหลายอย่างในงานประกวด เช่น
     1.งานประกวดพระที่ไม่มีคุณภาพบางงานเล่นกันแบบนี้คือ พวกกรรมการตัดสินพระ จะตัดสินพระให้รางวัลเฉพาะกับพวกของตนเอง ลูกค้าของตัวเองไม่ใช่พระของพวกตัวเองก็ไม่ให้ติดรางวัล
     2.บางงานจะมีเซียนพระมาหาพระในงานประกวด ซึ่งพอส่งพระเข้าโต๊ะประกวด กรรมการรับพระจะบอกว่า “ไม่แท้” ทั้งที่เป็นพระแท้ พองานประกวดเลิกก็จะให้คนตามไปขอเช่าถูก ๆ แล้วเอามาขายทำกำไร
     3.ใบประกาศไม่ได้บอกว่าพระองค์นั้นแท้ เพราะใบประกาศก็คือกระดาษธรรมดา พระแท้อย่างไรก็แท้อยู่วันยังคำ เนื่องจากงานประกวดบางงานกรมการตัดสินพระยังเชื่อถือไม่ได้ แล้วกระดาษใบเดียวจะเชื่อถือได้อย่างไร
     4.งานประกวดบางงานมีการขโมยพระที่ส่งเข้าประกวด หรือถ้าพระไม่หายพระที่ส่งคืนกลับมาก็อาจจะช้ำ สภาพต่างจากก่อนส่งประกวด
     5.งานประกวดพระที่ไม่มีคุณภาพ ที่มีกรรมการตัดสินเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งได้ตกลงกันแล้วว่าพระองค์นี้ พิมพ์นี้ ชุดนี้ถ้าส่งเข้ามาประกวดต้องติดรางวัลทั้ง ๆ ที่เป็นพระเก๊ แบบนี้พระเก๊ก็กลายเป็นพระแท้ บางทียิ่งว่านั้นดันตัดสินพระแท้เป็นพระเก๊ก็มี
     ถึงอย่างไรก็ตามงานประกวดพระที่มีคุณภาพก็ยังคงมีอยู่ และก็เป็นสิ่งที่ดีที่มีการจัดงานประกวดพระ แต่งานประกวดพระจะดีมีคุณภาพและน่าเชื่อถือต้องดูที่ผู้จัดการและกรรมการตัดสินพระว่าเป็นใคร ชำนาญในพระที่ตัดสินหรือไม่ ได้รับการยอมรับจากวงการหรือเปล่า และที่สำคัญต้องเป็นคนดีน่าเชื่อถือหากเป็นงานประกวดที่มีคุณภาพแล้ว เราก็สามารถนำพระมาตรวจสอบว่าแท้หรือไม่ ได้รับการยอมรับจากวงการหรือเปล่า และที่สำคัญต้องเป็นคนที่ดีน่าเชื่อถือ หากเป็นงานประกวดที่มีคุณภาพแล้ว เราก็สามารถนำพระมาตรวจสอบว่าแท้หรือไม่ หรืออาจเป็นทางหนึ่งที่ช่วงเพิ่มมูลค่าให้กับพระได้ โดยหากพระติดรางวัลราคาพระก็จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 12:29:26 pm »

    6.ความโลภเป็นเหยื่อของ 18 มงกุฏ
   เพื่อนของผมมีความศรัทธาในวัตรปฏิบัติและปฏิปทาของ  “หลวงพ่อเทียม” แห่ง “วัดกษัตราธิราช” มาก ด้วยเหตุที่ “หลวงพ่อเทียม” มีความเชี่ยวชาญในตำรา “พิชัยสงคราม” ของ “สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว” ท่านมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ทุกแขนงไม่ว่าจะเป็น “ไสยเวท ,ศิลปกรรมวิจิตรศิลป์,สถาปัตยกรรม,ช่างสิบหมู่,กระบี่กระบอง,ค่ายกล ศึก ฯลฯ”เนื่องจาก “หลวงพ่อเทียม” ได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมายและเป็นที่นิยมของชาว จ.พระนครศรีอยุธยาที่ปัจจุบัน “ของแท้” หายากมากจึงมี “ของปลอม” มาแทนที่เป็นขณะที่เพื่อนผู้เขียนออกมาล่าหาวัตถุมงคลของ “หลวงพ่อเทียม” แล้ววันหนึ่งไปเจอ “นักหาของ” ที่รู้จักกันดี มาบอกว่าไปเจอวัตถุมงคลของ “หลวงพ่อเทียม”  ซึ่งเป็น “รังใหญ่” เนื่องจาก “เจ้าของ “ เป็นหลานแท้ๆ ของ “หลวงพ่อเทียม” เพื่อนของผมก็ยินดีจัดแจงนำเงิน “ร่วมล้านบาท” ไปเหมามาโดยผ่าน “นักหาของ” เพราะเชื่อใจกันจึงไม่ได้นำ “วัตถุมงคล”ไปตรวจสอบก่อนจ่ายเงิน
   สุดท้ายมาทาบทีหลังว่าสูญเงินไปร่วม “ล้านบาท” ก็ต่อเมื่อนำวัตถุมงคลมาแขวนคอเพื่อไป “อวดเซียน “ เซียนพอเห็นกลับทักว่าเป็น “ของปลอม” เพื่อนของผมเลยตกใจ รีบนำวัตถุมงคลที่เหมามาไป “ตรวจสอบ” จากผู้รู้ก็เลยได้ทราบว่าเป็น “ของปลอม” แทบทั้งหมดเช่นกันจึงนำไปคืน แต่ “เจ้านักหาของตัวดี” ผู้นั้นได้ “ล่องหน” หายตัวไปอยู่หนใดแล้วไม่ทราบ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะเพื่อนของผมบังเกิด “ความโลภ” นั่นเองเนื่องจาก “วัตถุมงคล” ที่เหมามาหากเป็น “ของแท้” ถ้านำไปขายก็จะมีมูลค่า “ล้านกว่า ๆ “กำไรเห็นๆแต่เพราะ “ความโลภ” และ “เชื่อใจ” กันแท้ๆ จึง “โดนเต็มเปา”
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 01:06:29 pm »

7.  พระเครื่องโปรโมท
   ตอนสมัยผู้เขียนเด็ก ๆ เริ่มหัดเล่นพระใหม่ๆ ก็ยังดูพระไม่เป็น เริ่มจากการเช่าพระรุ่นใหม่ ๆ ก่อน โดยซื้อหนังสือพระแบบมีโฆษณาเยอะ ๆก่อน ในหนังสือเขาก็มีพระใหม่ ๆ หลายรุ่น แบบว่าลูกศิษย์สร้างย้อนยุคบ้าง ต้องการเงินสร้างโบสถ์บ้าง โดยจะอ้างสรรพคุณพระต่าง ๆ นาๆ มีทั้งคงกระพัน มหาอุด เมตตา มหานิยม มีสารพัด มีรูปภาพประกอบเกจิ อาจาย์ จัดพิธีใหญ่โต อ้างถึงบุคคลที่มีประสบการณ์ต่าง ๆนานา และท้ายสุดบอกว่าของใกล้หมดแล้วให้รีบบูชาโดยด่วน (คล้ายสโลแกนของนักสร้างพระบางคน) ถ้าหมดรุ่นนี้แล้วก็จะมีสร้างอีกต้องรออีกหลาย 10  ปี ผู้เขียนก็เลยอยากได้ ตอนแรกเช่ามาก็รู้สึกแบบว่าดูดีแบบคิดไปเอง รุ่นนี้ในหนังสือบอกว่าดี อนาคตไกล คิดไปต่าง ๆ นานา เวลาผ่านไป 10 กว่าปีแล้ว ราคาพระที่เช่ามานี้ก็ยังแทบจะอยู่เท่าเดิม และยังไม่ค่อยเห็นมีใครพูดถึงเลย โชคดีด้วยความเป็นเด็กยังหาเงินไม่ได้ เลยได้มาเก็บไว้เป็นที่ระลึกเฉยๆ ก็ขอเล่าผ่านประสบการ์เล็กน้อยเกี่ยวกับพระโปรโมทครับ
   ยังมีอีกเรื่องมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านต่อ จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้อ่านมา โดยเจ้าของเรื่องเล่าว่าได้เคยเช่าพระสี่องค์ซึ่งราคาแต่ละองค์อยู่ในหลักพันกลาง ๆ ที่เขาเช่ามาเพราะว่าไปอ่านเจอข้อมูลจากในเว็บพระเครื่องแห่งหนึ่งเขียนเกี่ยวกับประวัติกาสร้างและผงวิเศษมากมายที่นำมาสร้างพระรุ่นนี้ อ่านแล้วเขาศรัทธามาก เลยลองติดต่อคนที่เอาข้อมูลมาลง และนำรูปพระมาโชว์ว่าอยากจะขอแบ่งมาใช้บ้าง และเขาก็ได้พระมา แต่หลังจากนั้นปรากฎว่ามีผู้นำข้อมูลเชิงลึกออกมาเปิดเผย ว่ามวลสารสำคัญอันเป็นผงวิเศษแสนวิเศษสุดของพรรณนาของ พระรุ่นนี้ เป็นเรื่องยกเมฆขึ้นเพื่อผลทางการค้า ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจริงหรือเท็จ (ทำให้เขาไม่เชื่อข้อมูลที่ได้จากคนขายพระอีกต่อไป) อีกครั้งนึงเขาก็เจอข้อมูลแนะนำพระเครื่องดี ๆ ที่น่าเก็บสะสมซึ่งแนะนำโดยผู้ขายคนเดิม เขาได้อ่านแล้วก็ศรัทธาจับใจเหมือนเดิมก็เลยติดต่อเช่ามาเช่ามาแล้ว ก็เกิดอยากจะหาให้เพื่อนอีกสักองค์ ก็เลยติดต่อไปใหม่ คราวนี้ปรากฎว่าราคาแพงขึ้นครับ เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวเล่นเอาเขางงไปเลย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลยไม่เชื่อข้อมูลที่ผู้ขายพระเอามาลงสักเท่าไหร่ จุดนี้ทำให้เขาเชื่อว่าการปั่นราคาพระมีจริง ซึ่งอาจจะปั่นโดยการบอกว่ามีประสบการณ์อย่างมากมายปั่นโดยทำให้น่าสนใจ เช่นบอกว่าเสกดีอย่างนั้น มวลสารดีอย่างนี้ พอคนสนใจมากเข้าก็ขึ้นราคา ทุกวันนี้ก่อนเขาจะเช่าหาวัตถุมงคลอะไร เขาต้องดูประวัติการสร้างให้แน่ใจก่อน เช่น
•   สร้างจริง อันนี้ไม่ต้องดูอะไรมาก เพราะสร้างจริงแน่นอน เพราะถ้าไม่สร้างจะมีของออกมาได้ไง
•   เสกจริง ครูบาอาจารย์ที่ระบุว่าเป็นผู้สร้างทำการปลุกเสกให้อย่างแน่นอน
•   จำนวนการสร้างอันนนี้สัมพันธ์กับข้อสองด้วย คือพระทุกองค์ที่สร้างขึ้นมานั้นต้องปลุกเสกทั้งหมด ไม่ใช่สร้างพัน เสกสิบ ขายหมื่น
•   แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เช่นจากตัวครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสพเองแต่ถ้าข้อมูลจากทางหนังสือพิมพ์อย่างพึงเชื่อ เพราะวัตถุมงคลใหม่ ๆ หลายรุ่นที่เห็นหนังสือพิมพ์อย่างพึงเชื่อ เพราะวัตถุมงคลใหม่ ๆ หลายรุ่นที่เห็นหนังสือพิมพ์ลงให้เกรียวกราวว่ามีประสบการณ์อย่างงั้นอย่างงี้ หากได้ลองหาข้อมูลเชิงลึกดูแล้วจะพบว่าบางครั้งท่านไม่ได้ปลุกเสกให้ด้วย หรือว่านำมาให้ปลุกเสกไม่กี่องค์ ที่เหลือเก็บไว้ลงขายอย่างเดียว
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
โยธิน
Sr. Member
****
กระทู้: 346



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 03:22:39 pm »

ขอบคุณมากครับ Cool
บันทึกการเข้า
ขุนทัพ
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 3559



« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2009, 01:11:44 am »

 กระทู้นี้อ่านแล้ว สว่างขึ้นเยอะครับ มีประโยชน์มากครับ...ขอบคุณมากที่สละเวลานำสิ่งดีๆมานำเสนอ ..... ขอบคุณคร้าบบบ
บันทึกการเข้า
toi
Global Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 5117


« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 06, 2010, 08:28:11 pm »

เยี่ยมยอดครับ 
บันทึกการเข้า
yelry
Newbie
*
กระทู้: 2


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 23, 2010, 08:54:38 pm »

เยี่ยมเลยครับพี่ " ใจมันรัก " แล้วย้อนยุคของหลวงพ่อกวยมีประวัติการสร้างที่แน่นอนใหมครับ พอดีผมอ่านเจอในหนังสือลานโพธิ์ และเห็เขาแจ้งว่าของใกล้หมดครับกลัวจะเป็นอย่าที่พี่ว่าครับ
บันทึกการเข้า
ขุนทัพ
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 3559



« ตอบ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2010, 11:00:37 pm »

เยี่ยมเลยครับพี่ " ใจมันรัก " แล้วย้อนยุคของหลวงพ่อกวยมีประวัติการสร้างที่แน่นอนใหมครับ พอดีผมอ่านเจอในหนังสือลานโพธิ์ และเห็เขาแจ้งว่าของใกล้หมดครับกลัวจะเป็นอย่าที่พี่ว่าครับ
เป็นการโปรโมทให้คนไปทำบุญ แต่ว่าพระรุ่นนี้ทางวัดจัดสร้างเอง ไม่น่ามีปัญหาอะไร สบายใจได้ครับ 
บันทึกการเข้า
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 30, 2010, 10:29:14 pm »

ขอบคุณทุกท่านมากครับ ผมห่างหายไปนาน เพราะงานพึ่งลงตัว สอบเสร็จแล้ว มีเวลามาทำงานเพื่อศิษย์พี่ ศิษย์น้องต่อ มาต่อกับเล่ห์เหลี่ยมต่อไปเลยนะครับ
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 30, 2010, 10:35:33 pm »

เล่ห์เหลี่ยมเซียนพระ  มักจะมีลักษณะเช่นนี้
   1.อ้างว่าต้องการขายถูกหรือร้อนเงิน มีเด็กมาฝากให้ช่วยปล่อยพระให้หน่อย อ้างว่าเป็นพระตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่งนิยายให้เชื่อบ้างว่ามีใบประกาศจากงานประกวด (ใบเซอร์ปลอมก็มีระวัง)
   2.นำพระเกจิท่านอื่นมาสวมรอยเนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่นพระหลวงตาพัน พระหลวงปู่ภูหูติ่ง บางขุนพรหม พ.ศ.2509 มาตกแต่ง แกะศัลยกรรมให้สภาพใช้ช้ำ ซึ่งจะทำให้มีลักษณะใกล้เคียงกันกับพระสมเด็จวัดระฆังแล้วปล่อยถูกเซียนบางคนโดนทุบมาแล้ว
   3.บางท่านมีพระแท้ แต่ดันหลงคารมคนที่อ้างว่าเป็น “เซียนใหญ่” แต่งตัวภูมิฐาน บางคนตกควาย (พระตัวเองแท้และราคาแพง แต่กลับปล่อยออกไปในราคาถูก) เซียนเก๊บางคนดูพระไม่เป็นดีแต่สวดพระของคนอื่น พวกนี้อยู่ชมรม “นักสวดแห่งประเทศไทย” บางคนหลงแลกพระดีกับคนพวกนี้ก็มี ดังนั้นต้องระวังอย่าหลงคารมหรือดูแค่ลักษณะภายนอก
   4.เซียนบางคนท้าให้แห่พระของตนในสนาม โดยร้านที่เอาไปแห่ก็เป็นพวกเดียวกันกับตน เซียนพวกนี้มีนกรู้ชอบสร้างฉากละคร
   5.แบบนี้ก็มีทีแรกก็ทำทีให้เราเช่าพระแท้ ๆ หลายองค์ จนเราเริ่มตายใจพอเราเชื่อใจเซียนคนนี้ พี่แกจึงค่อย ๆ เชือด ค่อยๆ ปล่อยพระแท้บ้างพระเก๊บ้างปนๆ กันดังนั้นคิดจะเช่าพระต้องดูพระเป็นด้วยอย่าเชื่อใจหรือยืมตาเซียนฝ่ายเดียวครับ
   6.ชอบบอกกันว่าถ้าพระเก๊คืนเงิน ประกันอย่างโน้นประกันอย่างนี้ แต่พอเอาพระเก๊มาคืน (เก๊จริง ๆ คือตรวจสอบแน่ชัดแล้ว) พี่แกดันอิดออดอ้างโน่นอ้างนี่ แถมดันหักตั้งครึ่งราคา เหมือนบังคับทางอ้อมว่าไม่ให้คืน
   7.เป็นเซียนเปิดร้าน แต่ถ้าลูกค้ามาถามพระในร้านของตน กลับบอกว่าพระองค์นี้ดูไม่เป็น แบบนี้อย่าเชื่อนะครับ เพราะพระในร้านถึงจะดูไม่เป็น แต่ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าแท้หรือเก๊ อีกทั้งเซียนพระพวกนี้มีพวกเยอะเอาพระไปตรวจสอบแป๊บเดียวก็รู้แล้วครับว่าแท้หรือเก๊
   8.ถามราคาพระในร้าน แต่กลับบอกว่าเค้าฝากปล่อย การันตีไม่ได้หรือไม่มีการันตี อย่าเชื่อครับ เพราะถ้าเป็นพระแท้ก็ต้องการันตีให้อยู่แ ล้วครับ
   9.ถ้าเซียนบอกว่า พระรุ่นเค้าเล่นหากันหลายบล็อค อันนี้ต้องระวังหน่อยก่อนจะเช่าพระ ต้องศึกษาข้อมูลพระรุ่นนั้น ๆ ก่อนเช่า แล้วจะไม่เจ็บใจโดยไปเช่าหารุ่นที่ไม่นิยมในราคาแพงเท่ากับรุ่นนิยม
   10.ถ้าเก๊เอามาเปลี่ยนได้ และสุดท้ายก็ต้องเอาพระมาเปลี่ยนองค์อื่น ๆ ในร้านไป ก็ยังเสียตังค์อยู่ดี ไม่ได้ตังค์คืนแถมพระที่เปลี่ยนไปดันเก๊อีก ซวยจริง ๆ
   7.หลักการปั่นราคาพระเครื่อง
   หลักๆ ต้องมีพระจำนวนค่อนข้างมาก จึงจะสามารถปั่นราคาได้ การปั่นราคาจะเหมาะกับพระที่มีอายุ 1-10 ปี โดยการปั่นราคาพระเครื่องมีดังนี้
   1.สร้างสถานการณ์ คือหาหน้าม้ากลุ่มหนึ่ง ไปกวดเช่าซื้อพระที่ต้องการปั่นราคา สมมุติขายกัน 500 ก็ไปเช่ามาซัก 700 แล้วบอกให้หาพระมาเพิ่มอีกจะเช่าต่อ โดยจะกระจายหลายจุด หลายที่ ข่าวปากต่อปากจะไวมาก ผ่านไประยะหนึ่งจะมีพวกที่ต้องการพระและบอกหาพระชุดนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ต้องมาเช่าหาพระของเราซึ่งทุนอาจจะ 2-300 บาท จากการเก็บไว้จำนวนมาก ๆ แต่ต้น จึงทำกำไรได้อย่างงาม แต่พระที่ปั่นราคานี้ซักพักราคาจะหยุดแล้วตกลง
    2.ประกาศขายพระให้สูงกว่าชาวบ้าน ในกรณีนี้ต้องมั่นใจว่าพระสร้างไม่มาก หายาก เช่น สร้าง 2,000 องค์ ถ้ามีซัก 50-100 องค์ก็พอแล้ว วิธีการประกาศขายเช่นลงหนังสือนิตยสารพระเครื่อง เพราะจะทำให้คนหลาย ๆ คนเชื่อว่าพระชุดนี้ขายกันราคานี้จริง ๆ ผู้ที่ได้อ่านข้อมูลในหนังสือพระชุดที่ลงราคาไว้และตนเองก็มีพระชุดนี้ก็ต้องขายราคานี้เหมือนกัน ทำให้ราคาพระถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
   3.ให้เพื่อนหรือก๊วนที่เตี๊ยมกัน หมุนเวียนกันเช่า-ปล่อยพระ ผลัดซื้อขายหมุนเวียนกัน โดยส่วนใหญ่จะทำกันในสื่ออินเตอร์เน็ต พวกไม่ทราบกลไกของราคาพระ และได้เห็นการซื้อ-ขายพระ ก็จะเชื่อและเข้าใจว่ามีการเช่า-ปล่อยพระกันจริง ๆ แล้วจะเช่าตามราคาที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน วิธีนี้ค่อนข้างแนบเนียนแต่คนที่เล่นพระหรือสื่ออินเตอร์เน็ต มานานก็จะมองออกครับ เพราะราคาจะกระโดด ไม่ไกลเกินจริง แต่ซักพักก็จบเกมเหมือนกัน ไม่มีคนเช่า ทั้งนี้เพราะราคาโอเวอร์เกินจริง
   4.สร้างสถานการณ์หรือกระแสข่าวลือให้น่าเชื่อถือว่าพระชุดที่จะปั่นราคานั้นศักดิ์สิทธิ์ ยิงไม่เข้า มีรูปแปลก ๆ ประกอบยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ ซึ่งวิธีการแบบนี้สมัยก่อนใช้กันเยอะ
   5.การปั่นราคาพระ จะกระทำกับพระใหม่เป็นหลัก เพราะประวัติยังมีไม่มาก ใส่ข่าวเข้าไปนิด แถมอภินิหารและรูปแปลกๆ หน่อย ก็จะทำให้น่าเชื่อถือครับ ส่วนพระที่ปั่นราคาได้ยากก็มีนะครับเช่น
   5.1พระกรุต่าง ๆ เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับความต้องการและความหายากเป็นหลัก การหมุนเวียนของพระมีน้อย เพราะพระมีจำนวนจำกัด มีการแตกหักสูญหายไปตามกาลเวลา ไม่เหมือนพระใหม่ที่จะสร้างใหม่กี่องค์ก็ได้ ทำให้การปั่นราคาพระทำได้ยาก ดังนั้นพระกลุ่มนี้โดยมากจะเป็นราคาจริงที่ซื้อ – ขายกันไม่ใช่ราคาปั่นครับ
   5.2พระเกจิ ที่สร้างจำนวนน้อย ๆเช่น พระสายกรรมฐาน หรือสายพระเกจิยุคเก่า ช่วงก่อนปี 2500 ลงไปเพราะหายากและความต้องการสูงเพราะพระกลุ่มนี้มีคนคอยเช่าอยู่ตลอดเวลา
      คนที่ขายพระมักจะอ้างประสบการณ์ อ้างนู่นอ้างนี่ เพื่อขายพระ หากท่านผู้อ่านเชื่อก็จบเกม โดนหลอกจ่ายตังค์ การเล่นพระไม่เหมือนทองครับ ที่เช่าแล้วขายต่อได้เลย แม้ขาดทุนนิดหน่อย แต่พระหากเช่าผิดคือจบ (โดนของเก๊) ขาดทุนเต็ม ๆ ดังนั้นการเช่าพระและเก็บสะสมพระต้องมีความรู้ ตาถึง เงินถึง และต้องมีสติอยู่เสมอ
      เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในวงการพระ ผู้เขียนเองคงจะไม่สามารถนำเสนอได้ครบทุกเรื่องราวทั้งหมด หากแม้นท่านผู้อ่านจะต้องฝึกหัดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงจึงจะทันต่อเล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้ได้ ดังนั้นการเล่นพระต้องเล่นด้วยตา มีสติ อย่าโลภ แล้วจะทันกลโกงครับ
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
ใจมันรัก
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 213



« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 30, 2010, 10:40:55 pm »

บทส่งท้ายบทที่ 7
บทความนี้ผู้เขียนเห็นว่าเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่าน สำหรับการเก็บสะสมพระจึงขอนำเสนอเพิ่มเติม
   1.1เมื่อท่านผู้อ่านสงสัยพระของตนว่าแท้หรือเปล่า ก็ให้นำพระอ่านส่งเข้าประกวด (งานใหญ่ซัก 2-3 งาน ) ถ้ากรรมการรับพระของท่านผู้อ่าน ท่านผู้อ่านก็สบายใจได้ว่าแท้ระดับหนึ่ง
   1.2เมื่อท่านผู้อ่านสงสัยพระของตนว่าแท้หรือเปล่า ให้แกะกรอบทองออกแล้วใส่กรอบสเตนเลสแทน ให้เด็กคนที่ไว้ใจได้ไปที่สนามพระ ทำทีว่าร้อนเงินเพื่อจะปล่อยพระ ถ้าเซียนแผงใหญ่ถามเช่าก็สบายใจได้ แต่ทั้งนี้ราคาออกตัวต้องเหมาะสมครับ ที่สำคัญอย่าให้เขาจับไต๋ได้ว่าแห่พระ
   1.3เมื่อท่านผู้อ่านสงสัยพระของตนว่าแท้หรือเปล่า ก็ให้เซียนดู ถ้าเซียน 7 คนบอกแท้ เซียน 3 คนบอกเก๊ ก็ให้เก็บพระไว้ก่อน
ระวังอย่าเช่าพระ
   1.อย่าเช่าตอนกลางคืน เพราะเงาแสงจะหลอกตา
   2.อย่าเช่าพระเลี่ยมกรอบไว้ เซียนพลาดมาแล้วโดยเฉพาะเหรียญ และเนื้อดิน
   3.อย่างแลกพระกับเซียนถ้าไม่รู้จริง เพราะเซียนจะมีพระชุดหนึ่งไว้แลกที่แขวนคอก็ไว้แลก ไม่มีใครเขาเอาพระหลักมาแลกกันหรอกครับเขาอุบไว้
   4.เวลานำพระมาโชว์เซียน บางทีเขาจะเช่าพระเก๊เราทั้ง ๆ ที่รู้ หรือยอมเสียเปรียบนำพระราคาสูงกว่ามาแลกกับพระที่ไม่มีราคาของเรา ให้เราดีใจเล่น แต่จริงๆ เขาจะหมายตาพระอีกองค์ของเราเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเรานั่นเอง
สิ่งสำคัญคือ
   1.อย่าบ้าพระให้มากนักถึงขนาดมีเงินเท่าไหร่เช่าพระหมดทุกรุ่น บางท่านนำฝังดินไว้ นอนละเมอเห็นก้อนหินดินนึกว่าพระ เห็นภรรยาก็จินตนาการเป็นสมเด็จฯ ไป
   2.อย่าจับพระมาถูเหงื่อ ให้จับขอบพระ เจ้าของจะหวง แสดงว่าเราไม่อนุรักษ์
   3.ถ้าไถหรือหลอกพระเขาฟรี ๆ หรือเช่าพระที่ลักขโมยมาบาปนะครับ
   4.ดูเซียนให้ออกว่าใครเป็นของจริง ของปลอม ...
บันทึกการเข้า

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ
PEAK
Full Member
***
กระทู้: 240


« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 01, 2010, 12:21:26 pm »

ขอบคุณมากๆ สุดยอดจริงๆครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

 
  Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF |